วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

 เทคโนโลยีที่ใช้บันทึกข้อมูล

    เทคโนโลยีที่ใช้บันทึกข้อมูล (Input Technology) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการนำข้อมูลเข้าไปเก็บไว้ในสื่อจัดเก็บข้อมูล โดยการใช้เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ ในการบันทึกข้อมูล จะต้องแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ คือต้องเป็นชุดสัญญาณที่มีลักษณะเป็นเลขฐานสองเท่านั้น การนำข้อมูลเข้าโดยทั่วไปมักจะใช้วิธีป้อนผ่านแป้นพิมพ์ ปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการบันทึกข้อมูล มาใช้ในการบันทึกข้อมูลหลากหลายวิธีและวิธีที่นิยใช้ในปัจจุบันมี 5 วิธีดังนี้

                     1.1 การนำ้ข้อมูลเข้าด้วยวิธีการพิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์ (Key board) 

                     1.2 การนำข้อมูลเข้าผ่านทางเมาส์ (Mouse) แทร็กบอล (Trackball) และจอภาพแบบสัมผัส (Touch Screen) 

                     1.3 การนำข้อมูลเข้าโดยวิธีเขียน หรือวิธีการลากเส้น 

                     1.4 การนำเ้ข้าเครื่องโดยใช้เทคโนโลยีในการสแกน 

                     1.5 การนำเข้าข้อมูลด้วยเสียง

                     1.6 การนำเข้าข้อมูลจากสื่ออื่นๆ
 กล้องดิจิตอล
 กล้องวิดีโอ

                     1.7 การนำเข้าข้อมูลจากแหล่งทางไกล (Remote Sensing)

 2. เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล
    เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูล (Storage Technology) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เก็บข้อมูลลงในสื่อที่จัดเก็บโดยเฉพาะเพื่อสามารถนำข้อมูลหรือโปรแกรมกลับมาใช้ซ้ำได้ เป็นการจัดเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำลอง (Secondary Storage) การจัดเก็บข้อมูลเข้าสู่หน่วยความจำมีอยู่ 5 ประเภทได้แก่ การเก็บและการอ่านข้อมูลแบบเรียงลำดับ และแบบข้อมูลถึงโดยตรง

                     2.1 สื่อแม่เหล็ก
 เทปแม่เหล็ก
 จานแม่เหล็ก
                     2.2 สื่อแสง

                     2.3 สื่อประจุไฟฟ้า (Flash Memory)

 3. เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผล
    เทคโนโลยีที่ใช้ประมวลผล (Process) ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึง การนำข้อมูลคำนวณทางคณิตศาสตร์ และเปรียบเทียบข้อมูลในทางตรรกะตามคำสั่ง และจัดเก็บข้อมูลและคำสั่งในหน่วยความจำหลักรวมทั้งควบคุมระบบเวลาของเครื่อง อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ประมวลผลของคอมพิวเตอร์ คือ หน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญได้แก่ หน่วยคำนวณตรรกะ และหน่วยควบคุม การทำงานของหน่วยประมวลผลกลางโดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมสั่งงาน ซึ่งจะประกอบด้วยซอฟต์แวร์ 2 ประกอบหลัก ได้แก่ ซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟต์แวร์ประยุกต์

                     3.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
 ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)
 โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program)
 ตัวแปลภาษา (Language Translator) 
                     3.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

 4. เทคโนโลยีที่ใช้แสดงผลข้อมูล
    เทคโนโลยีที่ใช้แสดงผลข้อมูล (Display Technology) หมายถึง เทคโนโลยีที่ทำหน้าที่แปลงข้อมูลที่เป็นผลลัพธ์จากการประมวลผล ซึ่งอยู่ในภาพดิจิตอลให้อยู่ในรูปแบบที่ผู้ใช้นำไปใช้งานได้การแสดงผลสามารถแสดงผลได้ 2 ลักษณะดังนี้

                     4.1 การแสดงผลแบบชั่วคราว (Soft Copy) แสดงผลบนหน้าจอเทอร์มินัลหรือทางลำโพง ซึ่งไม่ได้ส่งผลลัพธ์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่าสำเนาชั่วคราว
                     4.2 การแสดงผลแบบถาวร (Hard Copy) แสดงผลลัพธ์ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้อ่านผลได้หลายครั้งและสามารถนำผลลัพธ์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า สำเนาถาวร

 5. เทคโนโลยีที่ใช้สื่อสารข้อมูล
    เทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสาร (Communication Technology) เป็นการนำเอาเทคโนโลยีโทรคมนาคมมาใช้ในการสื่อสารข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีองค์ประกอบพื้นฐานคือผู้ส่งหรือเครื่องส่ง และผู้รับหรือเครื่องรับสื่อที่ใช้ในการรับส่ง และข้อมูลที่รับส่งผ่านสื่อในรูปแบบของรหัสดิจิตอล สื่อที่ใช้ในการรับส่งข้อมูล แบ่งออกได้หลายประเภท ได้แก่ ประเภทสาย เช่น สายนำสัญญาณไฟฟ้า คือ สานเกลียวคู่ สายโคแอคเชียล และสายใยแก้วนำแสง ประเภทไร้สาย ได้แก่ สื่อสัญญาณที่เป็นคลื่นวิทยุ คลื่นวิทยุไมโครเวฟ ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม และแสงอินฟราเรด อุปกรณ์ในระบบสื่อสารข้อมูล ยังมีอุปกรณ์เชื่อมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ โมเด็ม และไอเอสดีเอ็นอะแดปเตอร์

    ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันโดยอาศัยระบบสื่อสารข้อมูล เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมโยงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น เร้าเตอร์ สวิตซ์ บริดจ์ หรือเกตเวย์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยส่วนต่างๆที่ทำหน้าที่ตามกฏเกณฑ์และมาตรฐานในการรับส่งข้อมูลเรียกว่า โพรโทคอล เทคโนโลยีเครือข่ายและเทคโนโลยีเครือข่ายระยะไกล หรือที่เรียกกันว่า แลน (Local Area Network : LAN) และเทคโนโลยีเครือข่ายระยะไกล หรือที่เรียกกันว่า แวน (Wide Area Network : WAN)


                    

ความหมายของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล 

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล หมายถึง อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูล โปรแกรมคำสั่งและสารสนเทศต่าง ๆ ไว้อย่างถาวรเพื่อสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าได้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage)
             ประเภทของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล
อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ คือ
             อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดแม่เหล็ก (Magnetic Storage) หมายถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีแม่เหล็ก แบ่งออกเป็น


1. 
ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) เรียกอีกอย่างว่า (Diskette) เป็นอุปกรณ์ที่ทำมาจากแผ่น ไม - ลาร์ (Mylar)  และเคลือบด้วยสารแม่เหล็กบาง ๆ ทั้งสองด้าน มีหลายขนาดด้วยกัน คือ 8 นิ้ว 5.25 นิ้ว และ 3.5 นิ้ว
ปัจจุบันฟล็อปปี้ดิสก์ที่นิยมใช้กันคือขนาด 3.5 นิ้ว สามารถบรรจุข้อมูลได้ 720 กิโลไบต์ และ 1.44 เมกะไบต์ ส่วนใหญ่ผ่านการฟอเมตเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน โดยสังเกตได้จากคำว่า Formatted บนกล่องฟล็อปปี้ดิสก์


2. ดิสก์ความจุสูง (High-Capacity Floppy Disk)มีลักษณะคล้ายฟล็อปปี้ดิสก์แต่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ปริมาณมากกว่า ตัวอย่างเช่น ซูเปอร์ดิสก์ (Super Disk) มีความจุ 120 เมกะไบต์ ซิปดิสก์  (Zip Disk) มีความจุ 100, 250 เมกะไบต์ และแจสดิสก์ (Jaz Disk) มีความจุ 1,2 กิกะไบต




3. ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากมีความจุข้อมูลสูงและราคาไม่แพง ถือเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหลักที่จำเป็นต้องมีในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดเก็บโปรแกรมระบบปฏิบัติการ โปรแกรมประยุกต์ ข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ



4. ดิสก์ความจุสูง (High-Capacity Floppy Disk) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ปัจจุบันมีความนิยมใช้น้อยลงไป เพราะการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปแบบเรียงข้อมูลแบบเรียงลำดับ (Sequential) ซึ่งช้าแต่อย่างไรก็ตามเทปแม่เหล็กยังคงมีการใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลสำรองต่าง ๆ เนื่องจากเทปแม่เหล็กมีความจุสูง เคลื่อนย้ายง่ายและราคาไม่แพง

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดแสง (Optical Storage) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดแสง ปัจจุบันได้รับความนิยมสูงขึ้นเป็นลำดับ เพราะมีความจุสูง มนมานราคาถูกแบ่งออกเป็น
                                        
1. ซีดีรอม (Compact Disc Read Only Memory: CD-ROM) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะภายนอกเป็นวัตถุทรงกลม ทำมาจากแผ่นพลาสติกโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.75 นิ้ว ด้านที่ใช้บันทึกข้อมูลจะมีสีเป็นสีเงินแวววาวมีความจุข้อมูลได้ประมาณ 600-700 เมกะไบต์ ข้อมูลที่ถูกบันทึกลงในแผ่นซีดีรอม สามรถเรียกใช้งานหรืออ่านได้เพียงอย่างเดียว (Read Only) ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้
2. ดีวีดีรอม (Digital Versatile Disc Read Only Memory: DVD-ROM) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่นิยมนำมาใช้บันทึกภาพยนตร์เพราะมีความจุสูง สามรถบันทึกข้อมูล ได้ทั้งสองด้าน แต่ละด้านสามารถบันจุข้อมูลได้ประมาณ 47 กิกะไบต์
3. ซีดีอาร์ (Compact Disc Recordable: CD-R) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะเหมือนซีดีรอมแต่ผู้ใช้สามารถทำการบันทึกข้อมูลลงแผ่นได้ ซึ่งการบันทึกข้อมูลไม่สามารถบันทึกทับหรือลบข้อมูลเดิมที่บันทึกลงไปแล้วได้
4. ซีดีอาร์ดับบลิว (Compact Disc Rewritable: CD-RW) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะการทำงาน คล้ายกับซีดีอาร์ แต่ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อมูลได้หลายครั้ง

หน่วยความจำแบบแฟลช (Flash Memory)
                                       

             เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความสามรถในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับหน่วยความจำหลัก แต่หน่วยความจำแบบแฟลช แตกต่างกับหน่วยความจำหลักคือ เป็นหน่วยความจำที่ข้อมูลคงสภาพอยู่ได้แม้ไม่มีกระแสไฟฟ้า
หน่วยความจำแบบแฟลชมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น หน่วยความจำหลักแบบแฟลชที่อยู่ในรูปของการ์ดความจำ (Memory Card) และหน่วยความจำแบบแฟลชที่มีการเชื่อมต่อแบบยูเอสบี (USB) สามารถเชื่อมต่อกับพอร์ตยูเอสบีของเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานได้ ซึ่งมีชื่อเรียกที่แตกต่างกนไปตามผู้ผลิต เช่น Thumb Drive, Flash Drive หรือ Handy Drive
5.  อินเตอร์เฟซของไดรว์ซีดีรอม
         อินเตอร์เฟซของไดรว์ซีดีรอมมีอยู่ 2 ชนิดคือ IDE ซึ่งมีราคาถูก มีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลอยู่ในขั้น ที่ยอมรับได้ และชนิด SCSI มีราคาแพงกว่าแบบ IDE แต่ก็จะมีความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลสูงขึ้นด้วย เหมาะสำหรับนำมาใช้เป็นซีดีเซิร์ฟเวอร์ เพราะต้องการความเร็ว และความแน่นอนในการส่งถ่ายข้อมูลมากกว่า
ไดรว์ซีดีรอมจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบติดตั้งภายใน และแบบติดตั้งภายนอก แบบติดตั้งภายในมีข้อดีคือ ประหยัดพื้นที่ในการวางซีดีรอมไดรว์และไม่ต้องใช้อินเตอร์เฟตเพื่อจ่ายไฟให้กับไดรว์ซีดีรอม และที่สำคัญมีราคาถูกกว่าแบบติดตั้งภายนอก แบบติดตั้งภายนอกมีข้อดีคือ สามารถพกพาไปใช้กับ เครื่องอื่นได้สะดวก 

  6.   โซนของแผ่นดีวีดี
แผ่นดีวีดีที่ใช้บรรจุภาพยนตร์นั้น จะมีการบรรจุรหัสพื้นที่ใช้งานเฉพาะพื้นที่กำหนด (Regional Codes) หรือ โซน (Zone) เพื่อประโยชน์ในการควบคุมลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ในแต่ละแผ่นจะบรรจุรหัสไว้อย่างน้อย 1 โซน สำหรับแผ่นที่สามารถใช้ได้กับทุกโซน (All Zone) นั้น จะบรรจุรหัสเป็น1,2,3,4,5,6 นั่นเอง แผ่นพวกนี้ในบางครั้งนิยมเรียกว่าแผ่นโซน 0 โดยปกติเครื่องเล่นดีวีดี รวมถึงดีวีดีรอม ที่ผลิตในแต่ละประเทศ จะสามารถเล่นได้เฉพาะแผ่นที่ผลิตสำหรับโซนนั้นๆ และแผ่นที่ระบุเป็น All Zone เท่านั้น โซนพื้นที่

   7.    เทคโนโลยี Blu-Ray
บลูเรย์ดิสค์ (Blu-ray Disc) หรือ บีดี (BD) คือรูปแบบของแผ่นออพติคอลสำหรับบันทึกข้อมูลความละเอียดสูง ชื่อของบลูเรย์มาจาก ช่วงความยาวคลื่นที่ใช้ในระบบบลูเรย์ ที่ 405 nmของเลเซอร์สี "ฟ้า" ซึ่งทำให้สามารถทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าดีวีดี ที่มีขนาดแผ่นเท่ากัน โดยดีวีดีใช้เลเซอร์สีแดงความยาวคลื่น 650 nm

  8.  เทปแบ็คอัพ ( Tape Backup )
เป็นอุปกรณ์สำหรับการสำรองข้อมูล ซึ่งเหมาะกับการสำรองข้อมูลทีมีขนาดใหญ่ๆ ระดับ 10-100 กิกะไบต์

  9.  การ์ดเมมโมรี ( Memory Card )
เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่มีขนาดเล็ก พัฒนาขึ้นเพื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์เทคโนโลยีแบบต่างๆ เช่น กล้องดิจิทัล คอมพิวเตอร์มือถือ ( Personal Data Assistant PDA) โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

  10.  ZIP drive ของ Iomega  Jazz drive
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน แต่รูปแบบต่างกันไป เช่น Zip Drive จากIomega ที่ออกมาก่อน Superdisk แต่ได้รับความนิยมมากพอสมควร Zip Drive มีทั้งรุ่นที่ต่อกับParallel port,USB port และแบบ SCSI และได้เพิ่มความจุจาก 100 เป็น 250 เมกะไบต์Iomega ยังได้ผลิต Jaz Drive ที่มีลักษณะเหมือนฮาร์ดดิสก์ถอดได้ โดยจะมีตัวไดรว์เป็นระบบSCSI เท่านั้น และมีแผ่นบรรจุข้อมูลขนาด 1 GB และ 2 GB นิยมใช้สำหรับการสำรองข้อมูลย้ายไปมา เนื่องจากมีความเร็วน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์ และยังมีราคาแพงกว่า Zip หรือ Superdisk มาก

อ้างอิง

http://www.nsta1.net
http://3g.siamphone.com
http://th.wikipedia.org
http://www.mwk.ac.th
http://www.bcoms.net
http://technology.msnth2.com
http://yalor.yru.ac.th
1.    Floppy Disk
         แผ่นดิสก์แบบอ่อน หรือ ฟลอปปีดิสก์ หรือที่นิยมเรียกว่า แผ่นดิสก์ หรือ ดิสเกตต์ เป็น    อุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่อาศัยหลักการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็ก โดยทั่วไปมีลักษณะบางกลมและบรรจุอยู่ในแผ่นพลาสติกสี่เหลี่ยม คอมพิวเตอร์สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนฟลอปปีดิสก์ ผ่านทางฟลอปปีดิสก์ไดร์ฟ (floppy disk drive)
         ฟลอปปี้ดิสก์เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ถือได้ว่าอยู่ยั่งยืนมานานแสนนานและยังคงใช้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ ในอดีตฟลอปปี้ดิสก์จะมีขนาด 5.25 นิ้ว ซึ่งเป็นแผ่นใหญ่บรรจุข้อมูลได้ 1.2 เมกะไบต์จะบรรจุได้น้อยกว่าฟลอปปี้ดิสก์รุ่นใหม่ขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งจะบรรจุข้อมูลได้มากกว่า 1.44 เมกะไบต์ในขนาดของแผ่นที่เล็กกว่า 


2.    Harddisk
ฮาร์ดดิสก์ หรือ จานบันทึกแบบแข็ง ( hard disk ) คืออุปกรณ์บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน     มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงาน การติดตั้งเข้ากับตัวคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ผ่านการต่อเข้ากับมาเธอร์บอร์ด ( motherboard ) ที่มีอินเตอร์เฟซแบบขนาน ( PATA ) แบบอนุกรม ( SATA ) และแบบเล็ก ( SCSI ) ทั้งยังสามารถต่อเข้าเครื่องจากภายนอกได้ผ่านทางสายยูเอสบีสายไฟร์ไวร์ของบริษัท Apple ที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า รวมไปถึงอินเตอร์เฟซอนุกรมแบบต่อนอก ( eSATA ) ซึ่งทำให้การใช้ฮาร์ดดิสก์ทำได้สะดวกยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีคอมพิวเตอร์ถาวรเป็นของตนเอง ความจุของฮาร์ดดิสก์โดยทั่วไปในปัจจุบันนั้นมีตั้งแต่ 20 ถึง 250 กิกะไบต์ ยิ่งมีความจุมาก ก็จะยิ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น


3.    CD-ROM Drive
 แผ่นซีดีรอมเป็นสื่อในการเก็บข้อมูลแบบออปติคอล (Optical Storage) ใช้ลำแสงเลเซอร์ในการอ่านข้อมูล แผ่นซีดีรอม ทำมาจากแผ่นพลาสติกเคลือบด้วยอลูมิเนียม เพื่อสะท้อนแสงเลเซอร์ที่ยิงมา เมื่อแสงเลเซอร์ที่ยิงมาสะท้อนกลับไป ที่ตัวอ่านข้อมูลที่เรียกว่า Photo Detector ก็อ่านข้อมูลที่ได้รับกลับมาว่าเป็นอะไร และส่งค่า 0 และ 1 ไปให้กลับซีพียู เพื่อนำไปประมวลผลต่อไป
ความเร็วของไดรว์ซีดีรอม มีหลายความเร็ว เช่น 2x 4x หรือ 16x เป็นต้น ซึ่งค่า 2x หมายถึงไดรว์ซีดีรอมมี ความเร็วในการหมุน 2 เท่า ไดรว์ตัวแรกที่เกิดขึ้นมามีความเร็ว 1x จะมีอัตราในการโอนถ่ายข้อมูล (Data Tranfer Rate) 150 KB ต่อวินาที ส่วนไดรว์ที่มีความเร็วสูงกว่านี้ ก็จะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล ตามตาราง

4.    DVD-ROM Drive
         ดีวีดี (DVD; Digital Versatile Disc) เป็นแผ่นข้อมูลแบบบันทึกด้วยแสง (optical disc)ที่ใช้บันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โดยให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ดี ดีวีดีถูกพัฒนามาใช้แทนซีดีรอม โดยใช้แผ่นที่มีขนาดเดียวกัน ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร ) แต่ว่าใช้การบันทึกข้อมูลที่แตกต่างกัน และความละเอียดในการบันทึกที่หนาแน่นกว่า เดิมทีดีวีดีมาจากชื่อย่อว่า digital video disc แต่ในภายหลังผู้ผลิตบางรายเห็นว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น digital versatile disc ปัจจุบันตามคำนิยามอย่างเป็นทางการแล้ว DVD ไม่ได้ย่อมาจากชื่อเต็มแต่อย่างใด เครื่องเขียนแผ่นดีวีดี ( DVD Writer ) คือ เครื่องสำหรับการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นดีวีดี

5.    แฟลชไดรฟ์ (
)
                แฟลชไดรฟ์ หรือ ยูเอสบีไดรฟ์ เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูลโดยใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ทำงานร่วมกับยูเอสบี 1.1 หรือ 2.0 มีลักษณะเล็ก น้ำหนักเบาเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีตัวขับเคลื่อน (Drive) สามารถพกพาไปไหนได้โดยต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย Port USB ปัจจุบันความจุของไดร์ฟมีตั้งแต่ 8, 16, 32, 64, 128 จนถึง 1024 เมกะไบต์ ทั้งนี้ยังมีไดร์ฟลักษณะเดียวกัน ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2549) บางรุ่นมีความจุสูงถึง16 GB โดยทั่วไปไดรฟ์จะทำงานได้ในหลายระบบปฏิบัติการซึ่งรวมถึง วินโดวส์98/ME/2000/XP แมคอินทอช ลินุกซ์ และยูนิกซ์ แฟลชไดรฟ์ รู้จักกันในชื่อต่างๆ รวมถึงทัมบ์ไดรฟ์    คีย์ไดรฟ์   “จัมป์ไดรฟ์ และชื่อเรียกอื่น โดยขึ้นอยู่กับผู้ผลิต
6.    เทคโนโลยี Blu-Ray
บลูเรย์ดิสค์ (Blu-ray Disc) หรือ บีดี (BD) คือรูปแบบของแผ่นออพติคอลสำหรับบันทึกข้อมูลความละเอียดสูง ชื่อของบลูเรย์มาจาก ช่วงความยาวคลื่นที่ใช้ในระบบบลูเรย์ ที่ 405 nmของเลเซอร์สี "ฟ้า" ซึ่งทำให้สามารถทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าดีวีดี ที่มีขนาดแผ่นเท่ากัน โดยดีวีดีใช้เลเซอร์สีแดงความยาวคลื่น 650 nm

7.    เทคโนโลยี HD-DVD
HD DVD ( High Definition DVD หรือ High Density DVD ) เป็นแผ่นข้อมูลแบบบันทึกด้วยแสง ( optical disc ) ที่ใช้บันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ( high definition ) หรือข้อมูลชนิดอื่นๆ ก็ได้ HD DVD มีลักษณะใกล้เคียงกับ Blu-ray ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกข้อมูลคู่แข่ง โดยใช้ขนาดแผ่นเท่ากับซีดีรอม ( เส้นผ่านศูนย์กลาง 12 ซม. )

8.    Floptical Disk
เป็นการนำเทคโนโลยีด้านแสงเข้ามาช่วยในการบันทึกข้อมูล แต่ไม่ได้ใช้แสงโดยตรง ลักษณะ Floptical disk จะมีรูปร่างเหมือนฟล็อปปี้ดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วทุกประการ แต่มีความจุมากขึ้นเป็น 120 เมกะไบต์ทีเดียว และตัวไดรว์ยังใช้อ่านเขียนข้อมูลแผ่นดิสก์ธรรมดาได้ด้วย ชื่อทางการค้าของ
ที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ SuperDisk จากบริษัท Imation

9.    ZIP drive ของ Iomega  Jazz drive
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน แต่รูปแบบต่างกันไป เช่น Zip Drive จากIomega ที่ออกมาก่อน Superdisk แต่ได้รับความนิยมมากพอสมควร Zip Drive มีทั้งรุ่นที่ต่อกับParallel port,USB port และแบบ SCSI และได้เพิ่มความจุจาก 100 เป็น 250 เมกะไบต์Iomega ยังได้ผลิต Jaz Drive ที่มีลักษณะเหมือนฮาร์ดดิสก์ถอดได้ โดยจะมีตัวไดรว์เป็นระบบSCSI เท่านั้น และมีแผ่นบรรจุข้อมูลขนาด 1 GB และ 2 GB นิยมใช้สำหรับการสำรองข้อมูลย้ายไปมา เนื่องจากมีความเร็วน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์ และยังมีราคาแพงกว่า Zip หรือ Superdisk มาก
10.    เทปแบ็คอัพ ( Tape Backup )
เป็นอุปกรณ์สำหรับการสำรองข้อมูล ซึ่งเหมาะกับการสำรองข้อมูลทีมีขนาดใหญ่ๆ ระดับ 10-100 กิกะไบต์
11.    การ์ดเมมโมรี ( Memory Card )
เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่มีขนาดเล็ก พัฒนาขึ้นเพื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์เทคโนโลยีแบบต่างๆ เช่น กล้องดิจิทัล คอมพิวเตอร์มือถือ ( Personal Data Assistant PDA) โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น